วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556



Ducati  899 Panigale 

จากข่าวลือเรื่อง Ducati 899 ในช่วงปลายเดือนสิงหาที่ผ่านมา ตอนนี้Ducati ได้เปิดเผยมอเตอร์ไซค์ใหม่ 899 Panigale ซึ่งดูจากภายนอกเหมือนกับ 1199 Panigale แทบทุกประการยกเว้นแค่เพียงว่า 899 จะมีสวิงอาร์มหลังแบบ dual-sided
การเปิดตัวเกิดขึ้นที่งาน IAA International Motor Show ใน Frankfurt ประเทศเยอร์มัน โดย Ducati ให้ชื่อว่าเป็นรุ่น Supermid หรือคำผสมระหว่าง Midsize ขนาดกลาง กับคำว่า Superbike นั่นเอง
Ducati ได้เปิดเผยว่า เครื่องยนต์ Superquadro แบบใหม่นี้จะมีการปรับปรุงขนาดกระบอกสูบและช่วงชักใหม่ เพื่อให้ส่งกำลังได้ตลอดช่วง โดยให้แรงม้าถึง 148 แรงม้า (109 kW) ที่ความเร็วรอบ 10,750 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 73 ปอนด์ฟุต (10.1 kgm) ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ส่งกำลังอย่างได้อย่างลื่นไหลแบบหนึ่งด้วยเครื่องยนต์ ชนิดนี้ทำให้ประสบผลสำเร็จทั้งในแง่ กำลังต่อน้ำหนัก และ การขับขี่ที่คล่องตัวมากขึ้น โดยน้ำหนักแห้งจะอยู่ที่ 169 กิโลกรัม (375.2 ปอนด์)
การออกมาในพิมพ์เดียวกันกับ 1199 นั้นถือว่าเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นสายพันธ์เดียวกัน ในขณะที่คุณสมบัติต่างๆอย่าง เทคโนโลยี Ride-by-wire เบรก ABS แบบสามสถานะ ระบบ Ducati Traction Control(DTC) และระบบการควบคุมการเบรกของเครื่องยนต์ (Engine Brake Control – EBC) นั้นถือเป็นตัววัดมาตรฐานถึงความล้ำหน้าของมอเตอร์ไซค์ Panigale ที่มีรางวัลต่างๆเป็นตัวสนับสนุน
ในส่วนของกระบอกสูบและช่วงชักนั้นจะมีค่า 100 x 57.2 มม (เทียบกับ 1199 Panigale ที่ 112 x 60.8 มม) พร้อมคลัชแบบเปียกและเบรก ABS ทั้งล้อหน้าและหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับน้ำหนักเปียกนั้นอยู่ที่ 193 กิโลกรัม
ตะเกียบหน้าของ 899 มาพร้อมกับ Showa BPF ปรับค่าได้ขนาด 43 มม และโช้คหลังปรับค่าได้ของ Sachs พร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ 10 ก้านทั้งหน้าและหลัง โดยล้อหน้ามีขนาด 17×3.5 นิ้ว ล้อหลัง 17x 5.5 นิ้ว พร้อมยาง Pirelli Diablo Rosso Corsa ขนาด 120/70ZR-17 และ 180/60ZR-17 ถังน้ำมันตามสเป็คระบุว่ามีขนาด 17 ลิตร
ที่แตกต่างจากรุ่น 1199 ก็คือรุ่น 899 นี้จะเปิดตัวเพียงรุ่นเดียว โดยไม่มีรุ่นที่มาพร้อมกับ Ohlins-clas S หรือ Tricolore โดย 899 Panigale มีสีให้เลือกเป็น รถสีแดงล้อดำ หรือ รถสีขาวล้อแดง อุปกรณ์ตกแต่งที่ออกมาจากโรงงานคือ ปลายท่อเก็บเสียง Termignoni Ducati Corse คาร์บอนไฟเบอร์หุ้มเครื่องยนต์ ครอบโช้ค บังโคลนหน้า
บังส้น (heel guards) กล่องคลัช บังโคลนหลัง และ spocket gurad
สำหรับราคาในอังกฤษนั้นอยู่ที่ 12,495 ปอนด์ หรือราวๆ 620,000 บาท
สำหรับในอเมริกาจะวางขายปลายเดือนตุลาคมนี้ที่ราคา $14,995 สำหรับคันสีแดงและ $15,295 สำหรับคันสีขาว


 







2014 Honda CBR1000RR SP 

เหมือนว่าทาง Honda ยังไม่พอใจกับคุณสมบัติต่างๆอันโดดเด่นอยู่แล้วของ CBR1000RR รุ่นเก่า เลยทำให้ฮอนด้าเปิดตัว 2014 CBR1000RR สเป็คสูงเวอร์ชั่น SP ออกมากับรุ่นที่ถือเป็นรุ่นที่กล่าวขวัญถึงกันมากตัวหนึ่ง โดยได้ออกแบบมาเพื่อให้ต่อกรกับรุ่นใหญ่จากยุโรปได้อย่างไม่อาย
วิศวกรเริ่มต้นจากเครื่องยนต์ขนาด 999cc สี่สูบเรียงที่เลือกลูกสูบและก้านสูบมาอย่างดี ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เค้นเอาประสิทธิภาพแรงระเบิดจากเครื่องยนต์ออกมาอย่าง สูงสุด ฝาสูบใหม่ได้รับการออกแบบและปรับปรุงช่องไอดีไอเสียเพื่อเพิ่มกำลังเครื่อง ยนต์ อย่างไรก็ตามอัตราส่วนแรงอัดนั้นยังไม่เปลี่ยนและคงอยู่ที่ 12.3 ต่อ 1 มอเตอร์ไซค์ CBR นั้นแรงช่วงกลางไม่เคยมีคำว่าขาด แต่อาจจะมีจุดด้อยตรงแรงปลายเมื่อเทียบกับมอเตอร์ไซค์ขนาด 1 ลิตรจากค่อยยุโรป ก็เป็นที่น่าสนใจว่ารุ่นใหม่นี้จะทำคะแนนช่วงปลายได้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
ในขณะที่การควบคุมบังคับ CBR1000RR นั้นเป็นไปได้อย่างดีอยู่แล้ว รุ่น SP ได้เสริมศักยภาพขึ้นไปอีกด้วยตะเกียบหน้าแบบหัวกลับของ Ohlins ที่มาพร้อมการปรับค่าได้สามทิศทาง พร้อม top clamp ที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมอีกด้วย โช้คหลัง TTX แบบแก๊สแบบปรับค่าได้ก็เป็นของค่ายเดียวกัน สิ่งที่เพิ่มสเป็คอีกอย่างก็คือ คาลิเปอร์แบบโมโนบล้อคของ Brembo ที่พร้อมจะจับจานเบรกคู่หน้าขนาด 320 มม แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ระบบ ABS นั้นไม่มีสำหรับรุ่นวางขายในอเมริกา อีกอย่างที่เปลี่ยนไปอย่างมากก็เป็นเครื่องยางรถ ที่รอบนี้เป็น Pirelli Diablo Supercrosa SP ที่เกาะถนนเป็นเยี่ยม พร้อมกับ ซับเฟรมที่น้ำหนักเบาลง
การประสานระหว่างผู้ขับขี่กับมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็ได้รับการปรับปรุงด้วย เช่นกัน โดยตำแหน่งที่วางเท้าได้รับการย้ายตำแหน่งเพื่อให้มอเตอร์ไซค์คันนี้มีท่า ทางดุดันในสนามแข่งมากขึ้น บังลมหน้าก็สูงขึ้นกว่าเดิมและทำหน้าที่ตีลมไม่ให้ปะทำใบหน้าได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้ทำให้มอเตอร์ไซค์คันนี้วิ่งเร็วขึ้นก็ตาม มอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่มีเบาะนั่งผู้โดยสารแต่จะมีฝาครอบพลาสติดที่ถอดประกอบ ได้อยู่แทน ส่วนสีก็มีให้เลือกเป็นแดงขาว พร้อมสีน้ำเงินดำคาด พร้อมล้อสีทองแบบ 12 ซี่ ที่น่าฉงนจากข้อมูลสเป็คก็คือ มอเตอร์ไซค์ Honda รุ่น SP นี้ความจุถังน้ำมันลดลง 0.3 แกลลอน แต่น้ำหนักโดยรวมยังเท่ากับรุ่นเดิมที่ 440 ปอนด์
ราคานั้นยังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่คาดว่าคงเพิ่มไปเป็นพันเหรียญจากราคารุ่นเดิมที่อยู่ที่ $13,800 USD โดยมอเตอร์ไซค์ Honda CBR1000RR SP นี้จะไปสู่โชว์รูมในอเมริกาในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
 




 





2014 Kawasaki Z1000
หลังจากก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอข่าวภาพ spyshot ของ มอเตอร์ไซค์ 2014 Kawasaki Z1000 มาแล้ว ตอนนี้ที่งาน EICMA เมืองมิลานประเทศอิตาลีก็ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วนะครับสำหรับ มอเตอร์ไซค์ 2014 Kawasaki Z1000 ถือเป็นมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่ของค่าย Kawasaki ที่มาเปิดตัวปีนี้ โดยออกสไตล์แนวปิศาจ Sugomi พร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1043cc สี่สูบเรียง ที่ให้แรงม้าออกมาถึง 142 แรงม้าและแรงบิดที่ 111 นิวตันเมตร พร้อมน้ำหนัก 220 กิโลกรัม ถือเป็น Z ที่ไม่ใช่ธรรมดาละครับ
หากเปรียบเทียบมอไซค์คันนี้กับตัวเก่าแล้ว ตัวเก่าจะดูเหมือนหนูเชื่องๆไปเลย เพราะตัวใหม่ Z1000 จะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่มกำลังในช่วงต้นและกลางมากขึ้น การตั้งค่า ECU ก็ใหม่และดุดันมากขึ้นเพื่อให้การตอบสนองต่อคันบิดนั้นแหลมคมมากขึ้นกว่า เดิม ระบบเกียร์โดยรวมจะมีช่วงสั้นลงเพื่อตอบสนองต่อการเร่งที่ดี (แต่เกียร์ 6 จะมีช่วงยาวกว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อให้รักษารอบสูงๆไว้ที่ความเร็วสูง เพื่อที่ว่าความสบายกับการประหยัดน้ำมันไม่ต้องเสียไปมากเวลาขับระไกล) ระบบท่อไอเสียเป็นแบบ 4 ไป 2 (ท่อพัก) แล้วออก 2 และตัวถังใหม่ที่เอาพื้นฐานมาจาก ZX-10R Ninja
มอเตอร์ไซค์ Kawasaki Z1000 ใหม่นี้ยังมาพร้อม ล้อ เบรก และชิ้นส่วนของระบบกันสะเทือนใหม่ เพื่อให้เข้ากับหน้าตาที่ดูดุดันและเครื่องยนต์ที่แรงขึ้น สิ่งใหม่ๆที่น่าสนใจก็เป็น ตะเกียบหน้าแบบแยกหน้าที่ปรับค่าได้เต็มที่ขนาด 41 มม (SFF-BP) โช้คหลังเดี่ยววางในแนวนอนและปรับค่าได้ทั้งค่าพรีโหลดและค่าแด้มปิ้งรี บาวด์ เบรกหน้าแบบจานคู่ขนาด 310 มม พร้อมคาลิบเปอร์แบบโมโนบล้อค 4 สูบ เบรก ABS มาตรฐาน ล้อ 6 ซี่น้ำหนักเบา ถังน้ำมันจุ 17 ลิตร ไฟหน้าและหลังแบบ LED ใหม่ไม่ต้องมีแผ่นสะท้อน ที่วางเท้าแบบตุ่มเหล็กนูนและกว้าง แฮนด์อลูมิเนียมเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่เพื่อให้เข้ากัน
ขอบอกได้เลยว่าเราชอบมอเตอร์ไซค์ Kawasaki คันนี้มาก เทียบได้กับที่เราชอบเจ้าตัว ZZR1400 เลยทีเดียว สำหรับราคาอยู่ที่ $11,999 USD หรือราวๆ 360,000 บาทในอเมริกา









  SUZUKI GSX-R1000 SE

สำหรับ บิ๊กไบค์รุ่นพิเศษอย่าง SUZUKI GSX-R1000 SE นั้นได้รับการผลิตออกมาเพื่อร่วมฉลองการก่อตั้งของบริษัท ซูซูกิ ที่ ยาวนานเข้าปีที่ 50 แล้ว โดยมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี 4 สูบ ด้วยระบบหัวฉีดแบบที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เรียกว่างานนี้แรงถึงใจกันเลยทีเดียว จน AutoYim อยากจะยกนิ้วให้ไปเลยนอกจากนี้แล้ว ซูซูกิ จีเอสเอ็กซ์-อาร์ 1000 เอสอี ยังมาพร้อมกับระเบรกแบบดิสก์เบรกทั้งสองล้อที่เรียกว่าหยุดได้อย่างใจสั่ง พร้อมทำงานร่วมกับระบบคลัชท์แบบเปียก ทำให้ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนนั้นอยู่ในระดับที่สูงทีเดียวส่วนเฟรมของ SUZUKI GSX-R1000 SE นั้นเป็นแบบ chrome-plated frame ที่ต้องเรียกว่าแข็งแกร่ง และเน้นสีสันไปที่โทนสีฟ้า-ขาว โดยวงล้มนั้นเป็นแบบสามก้านสีฟ้าใสสวยงาม พร้อมด้วยโช๊คอัพด้านหน้าก็มีสีฟ้า กระจังหน้าเป็นแบบเต็มมีกระจังบังลมและกระจกมองหลังแบบก้านทั้งสองด้านที่ ติดตั้งไฟเลี้ยวมาพร้อม ส่วนโคมไฟด้านหน้าเป็นแบบดวงใหญ่ชิ้นเดียว ดีไซน์โฉบเฉี่ยวสวยงามเป็นอย่างยิ่ง พร้อมด้วยเบาะนั่งจำนวน 2 ที่นั่ง แบบแยกชิ้น จำนวน 2 ชิ้นสีฟ้าสวยงาม ส่วนหน้าปัดแสดงมาตรวัดค่าต่างๆ นั้นเป็นแบบดิจิตอล เรียกว่างานนี้จัดหนักกันเลยทีเดียวสำหรับ ราคา SUZUKI GSX-R1000 SE นั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผยออกมา แต่หาก AutoYim ทราบข่าวจะรีบนำมาเสนอให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันทันทีเลยครับ แต่จำนวนการผลิตที่น้องเพียงแค่ 100 คัน และเจาะตลาดเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาด้วยแล้วอาจทำให้ราคาถีบตัวสูงอย่างแน่นอน และที่สำคัญแต่ละคันนั้นมีหมายเลยประจำของตนเองด้วยครับ










Ducati Monster 1200 ปี 2014

          เมื่อเอ่ยถึงมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ เชื่อเลยว่าบรรดาสิงห์นักบิดหลายคนจะต้องชอบและอยากครอบครองมอเตอร์ไซค์จาก ผู้ผลิตจากอิตาลีนามว่า ดูคาติ สักครั้งหนึ่งในชีวิต และหากถามถึงรุ่นที่พวกเขาอยากได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเจ้าสัตว์ประหลาด สองล้อที่ให้การขับขี่ที่สนุกตามแบบของดูคาติดั้งเดิมเป็นแน่ ซึ่งก็คือ มอเตอร์ไซค์ดูคาติ รุ่นมอนสเตอร์ (Ducati Monster) นั่นเอง
          ใน ปี 2014 ดูคาติ เตรียมส่งบิ๊๊กไบค์รุ่นใหม่ออกมาให้สิงห์นักบิดทั้งหลายได้ขี่กันแล้วกับ ดูคาติ มอนสเตอร์ รุ่นปี 2014 โดยในด้านดีไซน์ยังถือเป็นมอเตอร์ไซค์ที่สวยเนี้ยบเฉียบด้วยเฟรมถักอันเป็น เอกลักษณ์ ตัวรถมาแบบเครื่องเปิดโล่งหรือที่เรียกว่า Naked ให้ความรู้สึกดิบไม่น้อย พร้อมด้วยโคมไฟหน้าดวงกลมใหญ่โตขนาบข้างด้วยโช้คอัพอันโต ซึ่งการออกแบบทั้งหมดทำออกมาได้เร้าใจไม่น้อยเลย
          ด้านระบบส่งกำลัง ดูคาติ มอนสเตอร์แบ่งเป็น 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่รุ่น 1200 และ รุ่น 1200 S แต่ใช้เครื่องยนต์ Testastretta 11° ขนาด 1,200 ซีซี แบบเดียวกันใช้ทั้ง 2 รุ่น โดยในรุ่น 1200 มีกำลังสูงสุด 135 แรงม้า แรงบิด 118 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 7,250 รอบต่อนาที ส่วนรุ่น 1200 S มีกำลังสูงสุด 145 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 124 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 7,250 รอบต่อนาที
          นอกจากเครื่องยนต์ที่แรงแล้ว ดูคาติยังจัดเต็มเทคโนโลยีให้กับระบบการทรงตัวและระบบเบรก ตั้งแต่ระบบกันสะเทือนจาก Öhlins ทั้งหน้าและหลัง, ระบบดิสก์เบรกหน้าและก้ามเบรกหลังจาก Brembo ที่มาพร้อม ABS 3 ระดับ เพื่อการควบคุมที่มั่นใจ และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาทั้งหน้าและหลัง เพื่อการขับขี่ที่ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอแสดงมาตรวัด TFT ให้สีสันสดใสแบบเดียวกับซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหญ่ของค่ายอีกด้วย

          ดู คาติ มอนสเตอร์ 1200 รุ่นปี 2014 มีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีแดงและสีดำ ส่วนรุ่น 1200 S นอกจากสีแดง สีดำ แล้ว ยังมีสีขาวเพิ่มเข้ามา โดยรุ่น 1200 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 13,495 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 422,000 บาท ราคาในต่างประเทศ) และรุ่น 1200 S สนนราคาจำหน่ายที่ 15,995 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 500,000 บาท ราคาในต่างประเทศ) โดยมอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าวจะพร้อมจัดจำหน่ายทั่วโลกภายในปี 2014 รวมทั้งประเทศไทยด้วยครับ




2014 KTM 1290 Super Duke R

หลังจากมีข่าวมานาน พร้อมภาพ spyshot ที่ออกมาสี่วันก่อน ตอนนี้ก็มีสเป็คและรูปออกมาอย่างเป็นทางการแล้วครับ เป็นที่น่าตื่นเต้นว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ยังคงความอลังการเหมือนเดิมด้วยแรง ม้าขนาด 180 แรงม้า
แรงม้าขนาดนี้มาจากเครื่องยนต์ขนาด 1,301 cc เป็นเครื่องยนต์แบบ V-Twin ทำมุม 75 องศา ให้แรงบิดขนาด 106 ปอนด์ฟุต พร้อมน้ำหนักแห้งที่ 416 ปอนด์ (189 กิโลกรัม) ขนาดกระบอกสูบและช่วงชักอยู่ที่ 108 x 71 มม เบาะสูง 835 มิลลิเมตร มอเตอร์ไซค์คันนี้ถือเป็นมอเตอร์ไซค์แบบเนคเก็ตที่อยู่ในสายการผลิตที่ทรง พลังที่สุดในโลก ณ ​ตอนนี้ แม้น้ำหนักรถจะไม่เบาที่สุดก็ตาม อัตราส่วนระหว่างกำลังเครื่องยนต์ต่อน้ำหนักที่เหมาะสมพอที่จะ เร่งจาก 0 ไป 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 7.2 วินาที ถือเป็นจรวดสองล้อได้เลย
แต่ขนาดกระบอกสูบ 1.3 ลิตรไม่ใช่เอามาใช้แค่เรื่องการทำความเร็วสูงสุดเท่านั้นนะครับ ความจุขนาดนี้หมายถึงแรงบิดมหาศาลที่ความเร็วรอบต่ำอีกด้วย โดยในสเป็กระบุตัวเลขแรงบิด 74 ปอนด์ฟุตที่ความเร็วรอบต่ำแค่เพียง 2,500 รอบต่อนาทีเท่านั้น รอบสูงสุดอยู่ที่ 12,000 รอบต่อนาที แม้ตัวเลขจะดูเยอะขนาดนี้ แต่ช่วงระยะเวลาการเข้าศูนย์ก็ใช่ว่าจะแย่นะครับ อยู่ที่ 15,000 กิโลเมตร (9,300 ไมล์)
มอเตอร์ไซค์คันนี้ก็มีระบบเบรกที่สามารถจัดการเจ้ายักษ์ให้อยู่หมัดด้วย นะครับ โดยเป็นเบรก Brembo M50 Caliper จานเบรกขนาด 320 มม เหมือนกับ Ducati 1199 Panigale S แต่แตกต่างกันตรงที่ สามารถปิดระบบ ABS ตรงล้อหลังได้ทำให้สามารถขับแบบสไลด์ล้อหลังได้ และมาพร้อมกับระบบเบรก ABS แบบใหม่ที่ชื่อว่า MSC ที่ร่วมพัฒนากับ Bosch และระบบ Traction Control แบบเดียวกับที่ใช้ใน 1190 Adventure โชคหน้าเป็นแบบหัวกลับ WP ขนาด 48 มม และล้อหลังก็เป็นแบบ WP ด้วย ถังน้ำมันจุ 18 ลิตร
และมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็มาพร้อมกับระบบ ride-by-wire และ Traction Control พร้อมโหมดการขับขี่ที่ปรับค่าได้ทั้ง Sport Rain และโหมดที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนคือ Supermoto (ปิด ABS ล้อหลัง)
มอเตอร์ไซค์คันนี้ทาง KTM กล่าวว่ายังออกแบบมาให้นั่งสบายสำหรับนักบิดทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก ขับแล้วไม่ปวดหลังแม้ท่าขับจะเหมือนรถแข่งก็ตาม
ส่วนเรื่องของราคาก็เปิดมาแล้วนะครับที่ 13,999 ปอนด์ ในอังกฤษหรือประมาณ 700,000 บาทไทย และจะเริ่มส่งถึงตัวแทนจำหน่ายภายในเดือนธันวาคมนี้





2014 BMW S1000R 
เป็นไปตามคาดกันนะครับว่า BMW จะเปิดตัวมอเตอร์ไซค์คันใหม่วันนี้ในงาน EICMA นั่นก็คือรุ่น BMW S1000R โดยเป็นมอเตอร์ไซค์ในรูปของ streetfighter จากมอเตอร์ไซค์ superbike รุ่น S1000RR โดยมอเตอร์ไซค์รุ่น S1000R นั้น R หายไปตัวนึง พร้อมกับแรงม้าที่ลดลงไปราว 30 แรงม้า โดยมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่นี้จะให้แรงม้าสูงสุดที่ 160 แรงม้า เนื่องจากรอบสูงสุดนั้นน้อยกว่ารุ่น S1000RR อยู่ 2000 รอบ
เครื่องยนต์จะเป็นแบบสี่สูบเรียงขนาด 999cc ได้รับการปรับแต่งใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในช่วงต้นและกลาง โดยการออกแบบท่อหัวสูบใหม่ โฟรไฟล์ของแคมก็ได้รับการปรับปรุง ระบบการจัดการเครื่องยนต์ใหม่ และรอบสูงสุดลดลง 2000 รอบต่อนาที
ทาง BMW อ้างว่าเครื่องยนต์นี้จะให้แรงม้าสูงสุดที่ 158 hp ที่ความเร็วรอบ 11,000 รอบต่อนาที ซึ่งรุ่น S1000RR นั้นจะมีแรงม้าที่ 193hp ส่วนแรงบิดสูงสุดนั้นจะเท่ากันที่ 83 ปอนด์ฟุต แต่ S1000R นั้นจะให้แรงบิดมากกว่าอยู่ 7 ปอนด์ฟุตที่รอบต่ำกว่า 7500 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไซค์รุ่น S1000R นั้นมาพร้อมโหมดการขับขี่สองโหมดคือ Rain และ Road และมีระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติของ BMW รวมทั้งเบรก ABS รุ่นสำหรับสนามแข่ง ส่วนออพชั่นเสริมก็จะมี Dynamic Traction Control ซึ่งจะเพิ่มโหมดการขับขี่อีก 2 โหมด
เฟรมของรถรุ่นนี้ก็จะเหมือนกับ S1000RR โดยขอบเฟรมจะเป็นอลูมิเนียมอัลลอย โดยใช้เครื่องยนต์เป็นตัวรับโหลด ตะเกียบหน้าหัวกลับแบบปรับค่าได้ โช้คหลังก็จะเหมือนกับรุ่น RR ในขณะที่ระบบ Dynamic Damping Control และระบบกันสะเทือนกึ่งอัตโนมัตินั้นจะเป็นอุปกรณ์เสริม
 












  DUCATI 1199 Panigale R Superleggera

สำหรับ DUCATI 1199 Panigale R Superleggera ในเวอร์ชั่นของปี 2014 นั้นต้องถือว่าเป็นรุ่นที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่งสำหรับ ดูคาติ โดยเป็นการผลิตเพื่อจัดจำหน่ายในอเมริกาเท่านั้น ในจำนวนที่จำกัดซะด้วย คือเพียงแค่ 500 คันเท่านั้นเอง และนี่ถือเป็นการก้าวมาทำตามอย่างเต็มตัวของค่ายสองล้อดังจากฝั่งยุโรปโดยสำหรับ ดูคาติ 1199 เพเนเกิล อาร์ ซุปเปอร์เรการา นั้น คาดเอาไว้ว่าจะเป็นการใช้พื้นฐานในการผลิตจากรุ่น ดูคาติ 1199 เพเนเกิล อาร์ มาเป็นเบสในการพัฒนาต่อยอด โดยคาดว่าน่าจะมาพร้อมกับขุมกำลังของเครื่องยนต์ขนาดประมาณ 1,198 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์แบบ Superquadro: L-twin cylinder โดยมี 4 วาล์วต่อสูบ ผสานการทำงานแบบ Desmodromic โดยมีอัตราการอัดอยู่ที่ 12.5 : 1 ให้กำลังถึง 195 แรงม้า ส่วนอัตราแรงบิดอยู่ที่ 132 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบเชื้อเพลิงยังคงใช้งานระบบแบบ Mitsubishi electronic fuel injection system โดยมีหัวฉีดแบบทวินต่อสูบ ซึ่งทั้งหมดเราคาดการณ์จากพื้นฐานของรุ่น ดูคาติ 1199 เพเนเกิล อาร์นอกจากนี้แล้วสำหรับ DUCATI 1199 Panigale R Superleggera นั้นก็มีการเลือกใช้วัสดุขั้นเทพมาทำการผลิตในส่วนต่างๆ ทั้ง magnesium, carbon fiber และ titanium เรียกว่าเทพอย่าบอกใครกันเลยงานนี้ โดยรหัสที่ใช้ในการพัฒนาปัจจุบันนั้น ดูคาติ ใช้รหัส 1201 ในการเรียกขานและมีเว็บไซต์ของรุ่นด้วย คือที่ สำหรับ ราคา DUCATI 1199 Panigale R Superleggera ในเวอร์ชั่นของปี 2014 นั้นยังไม่ได้รับรายงานออกมาแน่นอนว่าราคาจะออกมาอยู่ที่เท่าไหร่ แต่เราว่าน่าจะแรงพอสมควรทีเดียว แต่ก็ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับคนที่ชอบบิ๊กไบค์แรงๆ แนวนี้










HRC เปิดตัว RCV1000R สำหรับ MotoGP
Honda Racing Corporation หรือ HRC ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ อย่างเป็นทางการ คือ RCV1000R โดยเป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับลงแข่งที่จะขายให้กับทีมนักแข่งที่ต้องการลงสนาม แข่ง MotoGP ในกลุ่ม “Open” หรือเปิดกว้าง
โดยมอเตอร์ไซค์ RCV1000R นั้นจะอยู่บนพื้นฐานขของ Honda RC213V แบบโรงงาน (factory) อันเป็นเครื่องต้นแบบ โดยใช้ตัวถังเดียวกันและเครื่องยนต์ V-4 แบบ 90 องศาเหมือนกันที่ให้แรงม้าถึง 234hp ที่ 16,000 รอบต่อนาที ส่วนสำคัญที่แตกต่างก็คงจะเป็นทีว่าเครื่องยนต์ตัวนี้จะใช้วาล์วสปริง ขณะที่ RC213V ใช้วาล์วแบบนิวเมติค อีกอย่างที่ต่างกันคงเป็นระบบเกียร์แบบ seamless ที่ใช้เฉพาะใน RC213V เท่านั้น แต่รุ่นนี้ไม่มี ส่วนระบบกันสะเทือนเป็นอง Ohlins และเบกรจาก Nissin แต่ทีมแข่งก็สามารถเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นได้
มอเตอร์ไซค์แข่งใหม่ที่ผลิตออกมาขายนี้จะทำให้ทีมแข่งสามารถหารถแข่งได้ ในราคาย่อมเยาว์กว่า แทนที่จะเป็นรูปแบบเก่าอย่างทีมลูกที่เช่ารถแข่งมาจากทีมโรงงาน และอีกทั้งยังดีกว่าทีมในอีกลักษณะที่เรียกว่า “Claiming Rule” ที่ใส่เครื่องยนต์จากสายการผลิตเข้าไปกับตัวถังต้นแบบ
ภายใต้กฏแบบ เปิดนี้ ทีมที่ใช้ RCV1000R จะใช้ระบบฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ของ ECU ตัวมาตรฐานของ Magneti Marelli และจะสามารถใช้เครื่องยนต์ได้ 12 ตัวต่อนักบิด 1 คนต่อฤดูกาลแข่งขัน และใช้น้ำมันได้ไม่เกิน 24 ลิตร ขณะที่ ทีมโรงงาน” (factory team) จะสามารถใช้ ECU ของตัวเองได้แต่จะใช้น้ำมันได้ไม่เกิน 20 ลิตรและตลอดฤดูกาลใช้เครื่องยนต์ได้ไม่เกิน 5 เครื่องเท่านั้น
ทั้งนี้ Honda ได้รับคำสั่งซื้อมอเตอร์ไซค์ RCV1000R จำนวน 4 คันด้วยกัน โดยทีม Aspar ได้สั่งไป 2 เครื่องสำหรับ Nickey Hayden และนักบิดอีกคนที่ยังไม่ประกาศชื่ออกมา ทีม Cardion AB สั่งซื้อไป 1 คันให้กับนักบิดชื่อ Karel Abraham ส่วนทีม Gresini ก็สั่งอีก 1 คันให้กับ Scott Redding











อ้างอิง

http://www.ktmthailand.co.th/
http://mocyclover.com/hrc-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-rcv1000-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-motogp.html